พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลโคกสว่าง อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 80 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย พระอาจารย์ศรี มหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
พระมหาเจดีย์นี้ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสี ทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109 เมตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือนอยู่บนวิมานแดนสวรรค์
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสมถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรี เคยบำเพ็ญธรรมมา
ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
พระมหาเจดีย์นี้ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสี ทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109 เมตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือนอยู่บนวิมานแดนสวรรค์
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสมถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรี เคยบำเพ็ญธรรมมา
ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ปฐมเหตุการสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคล
เมื่อวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2528 อันเป็นวันรวมกฐินสามัคคีของ วัดประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ในวันนั้น พระคุณเจ้าพระราชสังวรอุดม(หลวงปู่ศรี มหาวีโร)มื่อดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมสังวรวิสุทธิเถระ)ได้ปรารภกับที่ประชุมสงฆ์ศิษยานุศิษย์ว่า “ได้รับพระบรมสารีริกธาตุเป็นกรณีพิเศษ และได้พิจารณาเห็นว่า ครูบาอาจารย์สายอีกสาน์ ผู้มีความรู้ระดับสูงระดับ นักปราชญ์ และปฏิบัติชอบระดับสัมมาปฏิบัติท่านได้ ทำคุณประโยชน ให้แก่ประเทศชาติ และพระศาสนาเป็นจำนวนมาก สมควรก่อสร้างถาวรวัตถุสำหรับ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และประดิษฐานไว้เป็นการพิเศษในสถานที่เป็นศูนย์กลางเพื่อความสะดวกแก่ผู้ใคร่มาศึกษาและสักการะบูชาสืบไป”ที่ประชุมมีมติเห็นสมควรก่อสร้างพระมหาเจดีย์ที่วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม(ผาน้ำย้อย) และได้นำมติดังกล่าวไปหารือที่ประชุมสังฆาธิการภาค 8 ,9, 10, 11, (ธรรมยุติ)ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบด้วยพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ได้ทำการวางศิลาฤกษ์ โดยมี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบก และรักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการก่อสร้าง และเป็นประธานยกเสาเอก หลังจากนั้นได้ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา โดยอาศัยแรงศรัทธา จากชาวพุทธทั่วสารทิศ รวมพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงได้เป็น พระมหาเจดีย์ชัยมงคลขึ้นมา ให้เราได้กราบไหว้บูชาในปี พ.ศ.2540 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานที่องค์ ์พระมหาเจดีย์ 3 วาระ โดยในวาระที่ 3 เป็นกรณีพิเศษ คือ ทางรัฐบาลประเทศศรีลังกาโดยสมเด็จพระสังฆราชศรีลังกา ได้เสด็จอัญเชิญพระบรมสารีริกธาต มาประ ดิษฐานที่องค์พระมหาเจดีย์ด้วยพระองค์เอง
ข้อปฏิบัติในการขึ้นไปนมัสการองค์พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
1. ถอดหมวก ถอดรองเท้า
2. อย่าส่งเสียงดัง ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นบนเจดีย์
3. กรุณาอย่าจับต้องลวดลายต่าง ๆ
4. ไม่นำอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ขึ้นไปรับประทานบนพระมหาเจดีย์
5. กรุณาทิ้งขยะในที่เตรียมไว้ให้
6. ห้ามจูดธูป-เทียนในองค์พระมหาเจดีย์
7. กรุณาแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย
8. ห้ามสูบบุหรี่ และเสพของมึนเมารายละเอียดเพิ่มเติม ของ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น